วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บทบาทแคลน เมก้าโคโลนี่ ใน การ์ดไฟท์แวนการ์ด ภาค 2

     สวัสดีคร้าบ กลับมาพบกับบทความสนุกๆ ของพี่ชินอีกเหมือนเคยนะครับผม โดยในวันนี้จะเป็นการวิเคราะห์ เจาะตื้น เอ้ย เจาะลึก เกี่ยวกับแคลน เมก้าโคโลนี่ ที่เป็นแคลนเกี่ยวกับแมลง นั่นเองจ้า ว่ามีความสำคัญ บทบาท และ แนวทางการเล่นสายต่างๆ อย่างไรบ้างครับ


     สำหรับแคลน เมก้าโคโลนี่ นั้นจะเป็นแคลนที่มียูนิตเป็นแมลงทั้งหมด เหมารวมหมดไม่ว่าจะเป็น แมง หรือ แมลง นั่นเอง โดยรูปแบบการเล่นหลักๆ ของแคลนนี้ จะเป็นการใช้สกิล ในการทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถแสตนได้ในช่วงแตนเฟสนั่นเอง (แต่ยังได้รับผมจากแสตนทริคเกอร์ หรือ สกิลที่ทำให้แสตนตามปกติ) ดังนั้นรูปแบบการเล่นจะเป็นสายที่คอยควบคุม หรือ ตัดเกม ฝ่ายตรงข้ามให้ช้าลง และทำให้เราสามารถบุกได้ง่ายขึ้นนั่นเอง


     สำหรับผู้ที่เล่นแคลนนี้ใน ภาค1 คนใช้คือ Osamu Kishida ที่โผล่มาในช่วงต้น ถึง กลางเรื่อง ก่อนที่จะโดนตัดบทไป และ พอเข้าภาค 2 ก็จะมีผู้เล่นอีกคนมาใช้แทน ซึ่งก็คือ Kyou Yahagi ผู้ทีเคยเป็นอดีตลูกทีมของทีเร็นนั่นเอง (แต่เหมือนตัวแถมเสียมากกว่า) โดย Kyou Yahagi นั้นในภาค 2 ใช้ถึง 2 แคลนด้วยกัน โดยใช้แคลน สไปค์ บราเธอร์ส ก่อน(แพ้ ไค) จากนั้นจึงเปลี่ยนมาใช้ เมก้าโคโลนี่ (แพ้ Leon) ซึ่งบทบาทก็กลายเป็นตัวโชวเด็ค ขายของให้กับบูชิโร้ด หรือ มาฮาปล่อยมุขเสียมากกว่า เรียกว่าบทบาทต่างจากภาค 1 ไปเลยก็ว่าได้

สำหรับชุดการ์ดต่างๆ ที่มีแคลน เมก้าโคโลนี่ มีดังนี้คร้าบ (ณ ตุลาคม 2014)

Sets containing Megacolony cards

Booster Sets:

Extra Boosters:

Fighter's Collection:

จะเห็นได้ว่าแคลนนี้ นานๆ มาทีจริงๆ ออกมาแค่ภาคละ 1 ชุด เท่านั้นเองโดยประมาณ แต่ออกมาทีก็เก่งทีครับ ยกตัวอย่างเช่น ช่วงภาค3 ที่เก่งแบบใจร้ายเลยจริงๆ

     ต่อไปเรามาดูกันดีกว่าครับว่าแคลนนี้มีสายการเล่นเด่นๆ อะไรบ้าง

     สาย กิราฟ่า (BT04)
     สไตล์การเล่นยุคแรกๆ ของแคลนเมก้าโคโลนี่ โดยสายนี้จะเน้นหนักไปที่การใช้ กิราฟ่า ที่เป็นการไรด์ตามลำดับเกรดไปเรื่อยๆ โดยถ้าสามารถไรด์ร่างเกรด 2 ได้แล้วล่ะก็จะสามารถยืนด้วยพลัง 11000 ได้ นอกจากนี้ตัวกิราฟ่าเองก็กดดันฝ่ายตรงข้ามได้ดีด้วยสกิลของตัวมันเอง เพราะถ้าเกิดตีฮิทขึ้นมา หมายความว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องเสียยูนิตไปถึง 2 ตัวด้วยกัน บวกกับความสามารถในการห้ามแสตนของยูนิตอื่นๆ ทำให้กดดันฝ่ายตรงข้ามได้มากๆ ข้อเสียอาจจะมีตรงที่สายนี้ต่อพลังในช่อง RC ลำบากหน่อย อีกทั้งตัวต่อบูสให้แวนโดยเฉพาะต้องบังคับให้ฝ่ายตงข้ามอยู่ในลักษณะเรสหมด ดังนั้นถ้าฝ่ายตรงข้ามรับมือโดยการเหลือยูนิตแสตนไว้ซักตัวทางเราก็จะใช้สกิลบูสไม่ติดนั่นเอง

     สาย แมชชีนนิ่ง สแต็กบีทเทิ้ล (EB01)
     สายอีกสายหนึ่งที่มีความน่าเล่นสูงของแคลนนี้ โดยสายนี้จะเน้นการใช้ยูนิตที่มีติดชื่อ แมชชีนนิ่ง ในการเล่นเป็นหลักนั่นเอง โดยสไตล์การเล่นของสายนี้จะเน้นปั้มพลังสูงๆ + กับการเรียกพวกออกมาจากโซลด้วยสกิลของ สแต็กบีทเทิ้ล นั่นเอง แถมตัว เกรด 1 และ 2 ของสายนี้ก็สามารถเร่งพลังได้มากเช่นเดียวกัน จึงเป็นสายที่เน้นตีแรงๆ นั่นเอง อีกทั้งพอนำไปเสริมด้วยยูนิตที่มีความสามารถในการห้ามแสตนก็จะเห็นผลได้อีกมาก เพราะยูนิตตระกูล แมชชีนนิ่ง นั้นไม่ต้องใช้เคาเตอร์บลาสเลย ทำให้เล่นเป็นไปอย่างรวดเร็ว รุนแรง และกดดันฝ่ายตรงข้ามได้ดีมากๆ ครับ โดยรวมเป็นอีกสายหนึ่งที่น่าเล่น และพอขึ้นภาค 3 ก็จะมียูนิตตระกูล แมชชีนนิ่ง ออกมาอีกเพียบ ทำให้สายนี้เก่งมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

   
     สาย Martial Arts, Master Beetle (EB03)
     เด็คสาย Master Beetle โดยจะเน้นใช้สกิล LB4 ของ Master Beetle ที่จับห้ามแสตนทีเดียวถึง 2 ตัว อีกทั้งยังยืนด้วยพลัง 11000 โดยไม่ต้องพึ่งร่างเกรด 2 หรือ อื่นๆ แต่อย่างใด ทำให้เป็นยูนิตที่เก่งทั้งรุกและรับมากๆ เสียดายที่สกิล LB4 ของ Master Beetle นั้นกินเคาเตอร์บลาสมากถึง 3 ทำให้โอกาศใช้ในการเล่นต่อเกมเต็มที่ก็ 1-2 ครั้ง ดังนั้นในการใช้ก็จำเป็นจะต้องคิดให้ดีก่อนว่าจะใช้ใส่ยูนิตไหน ที่แนะนำก็คงจะเป็นใช้กิลใส่พวกเกรด 3 ที่ตีหนักๆ ในช่อง RC หรือจะใช้ใส่ตัวต่อบูสหลัง VC ของฝ่ายตรงข้ามก็ได้ ในเทิร์นหน้าฝ่ายตรงข้ามจะได้ตีเบาๆ หน่อย ยูนิตสายนี้สามารถนำไปผสมกับสาย แมชชีนนิ่งจาก EB01 ก็ยังได้ เพราะตัวสายแมชชีนนิ่งไม่กินเคาเตอร์บลาสอยู่แล้ว หรือ จะประยุกต์กับการ์ดอื่นๆ ก็ตามสะดวก เพราะตัว Master Beetle นั้นอยู่ได้ทุกสายอยู่แล้วนั่นเอง

     ทั้งหมดนี้ก็จะเป็นสายต่างๆ ของ แคลนเมก้าโคโลนี่ในภาค 1-2 ครับ ต้องยอมรับว่าของออกมาน้อยจริงๆ แต่เมื่อใดก็ตามที่ขึ้นภาค 3 รับรองเก่งแน่นอนครับ จับห้ามแสตนทีทั้งสนาม น่ากลัวมาก = = ใครที่อยากจะใช้เมก้าเก่งๆ แนะนำรอภาค 3 จ้า

ขอบคุณที่อ่านคร้าบ
พี่ชิน

1 ความคิดเห็น: