วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์ บทบาท แคลน โนว่า ในการ์ดไฟท์แวนการ์ด ภาค 2

     สวัสดีคร้าบ พบกันอีกครั้งกับบทความพิเศษเพิ่มหมูแดง แต่ไม่เพิ่มข้าว (วุ้ยคนชอบกินข้าวเยอะๆ อ้าวไม่ใช่แล้วผิดเรื่อง) โดยในวันนี้จะมาขอพูดถึงแคลนหลักอีกแคลนหนึ่ง ในการ์ดไฟท์แวนการ์ด ที่มีการออกชุดเสริมมาโดยตลอด (แต่บทบาทคนเล่นเริ่มลดเรื่อยๆ ก่อนจะกลับมามีบทเด่นอีกครั้งในภาค 5) นั่นก็คือแคลน โนว่า นั่นเอง!!

     แคลน โนว่า เกรปเปอร์ แคลนที่มียูนิตหลากหลายเผ่าพันธ์ุผสมกัน มีตั้งแต่ นักมวยปล้ำ สัตว์เทวะ เอเลี่ยน ยัน หุ่นยนต์อวกาศ เรียกได้ว่าหาคำจำกัดความได้ยากมากครับ 55 แต่เรามักจะรู้จักโนว่าในเรื่องของแคลนที่มีจุดเด่นด้านการ แสตนด์ มากที่สุดนั่นเอง

     จุดเด่นของแคลน โนว่า คือ การแสตนด์ทั้งหลายแหล่นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นแสตนทริคเกอร์ที่มีจำนวนให้ใส่เยอะมากๆ เอคเฟคการแสตน RC หรือแม้เอคเฟคที่สามารถแสตนตัว VC อีกด้วย รวมไปถึงความสามารถในการหงายดาเมจมาใช้เรื่อยๆ ทำให้การบุกของแคลนนี้บุกได้ถี่มากๆ ในเทิร์นหนึ่งสามารถโจมตีได้หลายครั้งสุดๆ (และจะมีข้อดีกว่า อวาฟอร์ส คือ ไม่ต้องห่วงเรื่องจำนวนครั้งในการโจมตี)

     ผู้ที่ใช้แคลน โนว่า นั้นมีหลากหลาย แต่ที่เด่นชัดที่สุดก็คือ Katsuragi Kamui นั่นเอง แถมติดอันดับผู้เล่นที่ไม่เคยเปลี่ยนแคลนเล่นตั้งแต่ภาค 1 ยัน ภาค 5 เรียบร้อย เรียกได้ว่ารักแคลนนี้กันสุดๆ ไม่เคยแบ่งใจให้แคลนอื่นเลย ขนาดโดน Link Joker ควบคุมในภาค 3 ก็ยังเป็นโนว่าอยู่ดี

รายชื่อชุดการ์ดต่างๆ ที่มีแคลน โนว่า มีดังนี้จ้า ( ณ พฤศจิกายน 2014)

Booster Sets:

Extra Boosters:

Trial Decks:

Fighter's Collection

จะเห็นว่าในช่วงภาค 1 ออกมาถี่มากๆ พอเข้าภาค 2 - 4 ก็ค่อยๆ ลดลงไป แต่ก็ยังคงความเก่งกาจเอาไว้อยู่ดีครับ (แต่แอบมีลง EB ถึง 2 รอบ แค่นี้ก็เจ๋งมากแล้วจ้า)

สายการเล่นต่างๆ ของแคลน โนว่า ที่เด่นๆ มีดังนี้ครับ

สาย อาชูร่า ไกเซอร์ + เกรด 3 อื่นๆ เช่น เดธเมทัลดรอย (BT01)
      สายแรกเริ่มสุดของแคลนโนว่า แต่เป็นสายที่สมดุลสูง ปรับเด็คได้หลากหลาย แถมเอาไปผสมได้สารพัดสาย ด้วยความสามารถของ อาชูร่า ไกเซอร์ ที่ขอแค่เช็คเจอเกรด 3 ก็จับเรียลเราแสตนด์ได้ 1 ตัว ทำให้มันเป็นยูนิตที่เก่งได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอการ์ดอื่นมาช่วยเสริม นอกจากนี้ตัวอาชูร่าเองก็มีร่างครอสไรด์อีกต่างๆ หาก ดังนั้น สาย อาชูร่า จึงเป็นสายที่นำไปเล่นได้ยาวๆ ครับ

สาย สเทิร์น เบลาครูเกอร์ (BT04)
     อีกสายหนึ่งที่ได้รับความนิยมค่อนข้างสูง เพราะยูนิตหลักสายนี้จะเน้นไปทางหุ่นยนต์ แนวเรียลโรบ็อตเสียส่วนใหญ่ เรียลโรบ็อต คือ หุ่นยนต์จำพวก ตัวบางๆ พริ้วๆ ติดปืนเยอะๆ ไม่ค่อยมีพลังอภินิหารอะไร (ล่ะมั้ง) ส่วน ซุปเปอร์โรบ็อต จะเป็นพวกหุ่นยนต์ ประกอบร่าง หรือ ตัวใหญ่ๆ พลังเยอะๆ ไม่ค่อยพริ้ว โดยจะไปอยู่ในแคลน ไดเมนชั่น โพลิส จ้า นอกเรื่องไปเยอะกลับมาว่ากันที่สายนี้ต่อ สายนี้จะเป็นการไรด์เชนร่างเกรด 0-3 ไปเรื่อยๆ แนวการเล่นของสายนี้จะเน้นไปที่การโจมตีของแวนการ์ดที่สามารถ แสตนด์ตัวเอง และ ตัวต่อบูส มาตีอีกทีได้ โดยในช่วงต้นเกมส์ จะเป็นอะไรที่กดดันฝ่ายตรงข้ามมาก เน้นเกมส์เร็ว เพราะถ้าเข้าช่วงท้ายเกม จะตีกันไม่ค่อยฮิทแล้ว ปา PG กันอุตหลุด โดยสายนี้มักจะอัดคริกัน 6-12 ใบ และ แทรกด้วย ดรอว ทริคเกอร์ จึงเป็นสายที่บุกหนักในต้นเกมมากๆ แถมสายนี้ จะมีร่างครอสไร์ เช่นเดียวกันกับ อาชูร่า (ออกมาพร้อมๆ กันใน EB08 เลย)

สาย เพอร์เฟคไรเซอร์
     ตีแรงเวอร์ คงจะเป็นคำจำกัดความ ที่ดีของสายนี้ กับสายยูนิตตระกูล ไรเซอร์ นั่นเอง โดยสายนี้ออกวางจำหน่ายในช่วง ภาค 1 แต่จะไปเห็นในการ์ตูน ตอนภาค 2 และ จะมีเสริมจนสามารถเล่นให้เป็นไรเซอร์ทั้งเด็คได้ ในช่วงภาค 4 จ้า ไรเซอร์นั้นถ้ายังไม่ถึงภาค 4 หรือ ใน EB จะค่อยๆ ออกมาทีละตัวสองตัว ตามแต่ละชุดครับ ดังนั้นก็ต้องค่อยๆเก็บกันไปเรื่อยๆ แต่ในช่วงภาค 1 ก็จะมีให้แค่ 4 แบบเท่านั้น ทำให้อาจเกิดปัญหาเรื่องของการทำเงื่อนไขสกิลให้ติด แต่ถ้าติดแล้วล่ะก็พลังโจมตีจะสูงมากทุกเทิร์น แถม มี 2 คริ ตลอดเวลา แบบไม่ต้องเสียค่าคอสอะไรเลย อาจจะเป็นสายที่ต้องตั้งตัวนานหน่อย แต่ถ้าตั้งได้ก็ไล่ตีได้เรื่อยๆ เลยครับ ตีแรง แถม 2 คริ แน่ะ ข้อเสียก็คงจะเป็นสายที่แพ้ทาง ดราโกนิค ลอว์ คีปเปอร์ แบบสุดๆ ครับ โดนไบน์ทั้งสนามที พลังเหลือแค่ 9000 ฮือๆ

สาย เดทอาร์มี่ (EB04)
    สายอีกสายหนึ่งที่มีคนนิยมเล่นมากเช่นกัน โดยยูนิตครึ่งเด็คหรือมากกว่าจะเป็นยูนิตที่ติดชื่อ เดทอาร์มี่เป็นหลัก โดยจะใช้ตัวบุกหลักเป็น เกรด 3 จากชุด EB04 ที่ชื่อ Infinite Corrosion Form, Death Army Cosmo Lord (ชื่อยาวมาก) นั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นยูนิตแคลน โนว่าที่มี LB ในยุคแรกๆ อีกด้วย ความเก่งกาจก็รับประกันครับว่าเร่งพลังได้ไม่แพ้เพอร์เฟคไรเซอร์เลย แถมทำ 2 คริได้ อีกต่างหาก เป็นอีกสายหนึ่งที่น่าลองนำไปเล่นดูครับ สนุกใช้ได้เลยทีเดียว

สาย สัตว์เทวะ อิลูมินัล ดราก้อน (BT09)
     สายสุดท้ายของ แคลน โนว่า ในภาค 2 ซึ่งเป็นสายที่เน้นการใช้ยูนิตที่ติดชื่อ สัตว์เทวะ เป็นหลัก (ก่อนที่จะไปเน้นใช้แบบเต็มเด็คในภาค 3) ซึ่งสายนี้เป็นสายที่ใช้ครอสไรด์ของ เอเซอร์ ดราก้อน หรือ ก็คือ อิลูมินัล ดราก้อน จาก BT09 เป็นตัวเด่นในการบุก ด้วย LB ที่ใช้ง่าย ได้แสตนด์ RC 2 ใบชัวร์ๆ ไม่ต้องรอลุ้นเช็คให้ได้แสตน หรือ เกรด 3 ทำให้สามารถอัดคริ หรือ ทริคเกอร์อื่นๆ ได้อย่างเต็มที่ ถึงจะเปลืองค่าคอสไปหน่อยในการใช้สกิล แต่โนว่าก็เด่นเรื่องการหงายดาเมจอยู่แล้ว ทำให้ไม่ค่อยมีปัญหามากเท่าไหร่นัก นอกจากนี้ตระกูลสัตว์เทวะ เด่นเรื่องการแสตนรัวๆ หรือ รับผลจากการแสตนอยู่แล้ว เช่น แสตนแล้ว +พลัง ทำให้บุกได้หนักหน่วงมากๆ เป็นสายที่เก่งทั้งรุกและรับ สุดๆ อีกสายหนึ่งครับ

ทั้งหมดก็เป็นสายเด่นๆ ที่ปรากฏในช่วงภาค 1-2 จ้า แน่นอนครับว่ามีสายอื่นๆ อีกที่สามารถนำมาเล่นได้ เช่น ทอปกัน หรือ โกลด์ รูไทล์ เพียงแต่ไม่ค่อยโดดเด่นมาก จึงขออนุญาติไม่พูดถึงจ้า

สุดท้ายนี้ก็อย่างลืมติดตามรายการ Inbox ด้วยนะคร้าบ
ขอบคุณที่อ่านครับ
ชิน แวนการ์ด

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บทบาทแคลน เนโอ เนคตาร์ ใน การ์ดไฟท์แวนการ์ด ภาค 2

     สวัสดีคร้าบ กลับมาพบกันอีกเช่นเคยจ้า กับบทความสุดพิเศษจากพี่ชิน นั่นก็คือการ "วิเคราะห์บทบาทแคลน เนโอ เนคตาร์ ใน การ์ดไฟท์แวนการ์ด ภาค 2" นั่นเองคร้าบ ก่อนจะไปดูกันต้องขอแจ้งไว้นิดหน่อยเกี่ยวกับการลงบทความนะจ้ะ บทความของพี่ชินจะสลับกันลงกับคลิปรายการ Inbox จ้า ซึ่งก็หมายความว่าถ้าช่วงไหน มีแวนการ์ดกล่องใหม่ออกวางจำหน่าย พี่ชินก็จะหยุดการเขียนบทความและไปลงคลิปแทนนั่นเองจ้า


     แคลน เนโอ เนคตาร์ จะเป็นแคลนที่มีธีมหรือภาพรวมเกี่ยวกับ พืช ดอกไม้ ใบหญ้า ผลไม้ และอื่นๆ ที่เป็นพืช เสียส่วนใหญ่ จะมีผสม พวกภูติ ฟรือ เอลฟ์ เข้ามาบ้างประปราย แต่จะเน้นสีเขียวเป็นหลักๆ นั่นเอง รูปแบบการเล่นของแคลนนี้จะเน้นไปที่การเรียกพวกให้เข้ามาในสนามอย่างรวดเร็ว จากกอง อาจจะฟังดูคล้าย รอยัล หรือ โกลด์ พาลาดิน แต่เนโอจะเรียกได้ไวกว่าและกินค่าคอสน้อยกว่านั่นเอง แต่ก็จะมีข้อเสียในเรื่องของการต่อพลังที่ต่อได้ไม่แรงมาก เต็มที่ก็ 20000-21000 แต่ก็จะทดแทนด้วยสารพัดสกิลเรียกพวกที่แทบจะไม่ต้องใช้การ์ดบนมือในการลงไปสู้เลยนั่นเอง ทำให้แคลนนี้มีการ์ดบนมือค่อนข้างหนา และ ลงเต็มสนามได้ไว

     โดยในภาค 1 นั้น ผู้ที่ใช้แคลนนี้ได้แก่ Mai Tobita เพื่อนของน้องสาวพระเอก เซนโด เอมิ นั่นเอง โดยปรากฏตัวมาแค่แป้บเดียวในท้ายๆ ภาค1 ก่อนที่จะมามีบทบาทอีกทีหนึ่งในภาค 3 แต่ตอนนั้น ไม ก็จะเปลี่ยนไปใช้แคลน เบอร์มิวด้า ไทรแองเกิ้ล แทน 

     นอกจากไมแล้ว ในภาค 2 ก็จะมีผูุ้ที่ใช้แคลน เนโอ เนคตาร์ ในการเล่นคือ ทีม Weeds ซึ่งทั้งทีมก็จะใช้แคลนเดียวกันหมด และแน่นอนว่าโผล่มาแค่ตอนเดียวแล้วก็หมดบทบาททันที ต้องทำใจกับแคลนนี้จริงๆ แทบจะกลายเป็นไม้ประดับอยู่แล้ว ฮือๆๆๆ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าแคลนนี้ก็เก่งครับ โดยเฉพาะในภาค 2 จะเก่งกาจขึ้นมากเพราะมีของมาเสริมค่อนข้างเยอะนั่นเอง

รายชื่อการ์ดชุดต่างๆ ที่มีแคลน เนโอ เนคตาร์ (ณ พฤศจิกายน 2014)

Sets containing Neo Nectar cards


Booster Sets:

Trial Decks

Fighter's Collection

โดยแคลนนี้มีรูปแบบสายต่างๆ ดังนี้้จ้า

สาย Maiden of Trailing Rose (BT05)

     สายดั้งเดิม แรกสุด ของแคลน เนโอ เนคตาร์ โดยรูปแบบการเล่นหลักๆ จะเน้นไปที่การเร่งหาพวกด้วยสกิลของ Maiden of Trailing Rose ที่สามารถเปิดกองแล้วเรียกพวกเข้ามาได้ถึง 2 ใบ นอกจากนี้ยังสามารถยืนด้วยพลัง 11000 ด้วย ทำให้สามารถบุกในช่วงต้นเกมได้ดี แต่น่าเสียดายที่สายนี้ไม่สามารถต่อพลังแวนให้ถึง 20000+ ได้ทุกๆ เทิร์น ทำให้พลังขาบุกในช่องแวนน้อยพอสมควร ทางช่อง R ก็ต่อพลังได้เต็มที่แค่ 20000 เช่นเดียวกัน ทำให้ถึงจะเด่นในเรื่องเรียกพวกหรือการตั้งรับ แต่พลังการบุกจะน้อยมากๆ ทำให้พอเจอแคลนเด่นๆ ช่วงท้ายภาค 1 เช่น รอยัล คาเงโร่ เราจะบุกโจมตีได้ลำบากนั่นเอง จึงไม่แปลกที่ในช่วงภาค 1 มีคนเล่นแคลนนี้น้อยครับ

สาย Arboros Dragon, Sephirot (BT08)
     
     สายใหม่ที่ปรากฏตัวใน BT08 ซึ่งสายนี้จะทำให้แคลน เนโอ เนคตาร์ เก่งขึ้นมากทีเดียว ตัว Arboros Dragon, Sephirot นั้นจะเป็นยูนิตที่มีการไรด์เชน หรือก็คือมีร่างเกรด 0 1 2 3 ไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าสามารถไรด์ทับตามเกรดไปได้เรื่อยๆ เราจะมียูนิตเพิ่มในสนามตามไปเรื่อยๆ นั่นเอง นอกจากนี้ความเก่งกาจของมันคือสกิล LB4 ที่ไม่ต้องจ่ายค่าคอสอะไรเลย แต่จะแจกพลังให้ยูนิตในแคลนเดียวกันทุกตัวที่มีร่างเหมือนกันอยู่ในสนามใบละ 3000 ยกตัวอย่างเช่นเรามี เกรด 1 atk8000 ในสนามสองตัว ถ้าสกิล LB4 ของ Arboros Dragon, Sephirot ทำงาน เกรด 1 ทั้งสองตัวก็จะมีพลังเป็น 11000 ทั้งคู่นั่นเอง ทำให้สายนี้สามารถแก้ข้อเสียของการต่อพลังได้ แถมไม่ต้องใช้เคาเตอร์บลาสอะไรเลย จึงสามารถใส่ยูนิตอื่นๆ ที่ใช้เคาเตอร์บลาสมาเสริมได้อย่างเต็มที่ สายนี้จึงเป็นอีกสายหนึ่งที่น่าเล่นนั่นเองจ้า

สาย White Lily Musketeer, Cecilia (BT08)

     ซํบแคลน หรือจะเรียกว่า สายที่ติดชื่่อของ Musketeer ก็ได้ครับ โดยสายนี้จะเน้นการใส่ยูนิตที่มีชื่อ Musketeer ในชื่อเป็นหลัก โดยความสามารถหลักๆ ของสายนี้คือการเปิดกองเรียกพวกนั่นเอง แต่จะเน้นเรียกแต่ Musketeer ด้วยกันเองเป็นหลัก และจะเน้นความสามารถในการตั้งเกมค่อนข้างสูง ทำให้สามารถเติมสนามได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Musketeer ยังมียูนิตที่ช่วยให้บุกช่วงต้นเกมได้ไว ยกตัวอย่าง เช่น เกรด 1 หรือ 2 ที่เมื่อโจมตีแล้ว ถ้า VC เราเป็น Musketeer ก็จะ+3000  (เหมือนกับ เคย์ และ เบดิเวียร์ จาก รอยัล พาลาดิน) นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการวนยูนิตในดรอปโซนกลับเข้ากองเพื่อเรียกมาใหม่อีกด้วย เน้นเลยว่าไม่ต้องกลัวการ์ดหมดกองแพ้แน่ๆ (เสียดายวนทริคเกอร์เข้ากองไม่ได้)  แต่ก็น่าเสียดายนิดๆ ที่ยังมีจุดอ่อนเรื่องการต่อพลังอยู่ แต่ถึงจะตีเบาก็แลกมากับความรวดเร็วในการตั้งเกม และ ตัวบุกที่บุกง่ายๆ นั่นเองจ้า ข้อดีอีกอย่างของสายนี้คือ รีดกองไว ครับ พอช่วงกลางเกม หลังจากที่เรียก Musketeer ออกมาเยอะๆ ในกองก็จะเหลือทริคเกอร์เยอะนั่นเอง โอกาศติดทริคเกอร์ก็จะมากขึ้นตามไปครับ

     ทั้งหมดนี้ก็จะเป็นสายต่างๆ ของแคลน เนโอ เนคตาร์ ในภาค 2 นั่นเองจ้า ถึงภาค 3 และ 4 จะมีของมาเสริมน้อยไปหน่อย แต่ในภาค 5 น่าจะมีของมาเสริมเยอะอยู่ครับ เพราะ แอบมีเป็น TD ด้วย ก็ต้องดูกันต่อไปจ้า

ขอบคุณที่ติดตามอ่านคร้าบ
พี่ชิน แวนการ์ด

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บทบาทแคลน มุราคุโมะ ใน การ์ดไฟท์แวนการ์ด ภาค 2

     กลับมาพบกันอีกเช่นเคยหลังจากที่ห่างหายกันไปนานกับ บทความพิเศษ เพิ่มลูกชิ้น จากพี่ชิน กับตอน "วิเคราะห์บทบาทแคลน มุราคุโมะ ใน การ์ดไฟท์แวนการ์ด ภาค 2" นั่นเองคร้าบ ก่อนอื่นเลยก็คงจะต้องพูดถึงแคลนมุราคุโมะ ก่อนนะครับว่าที่มาที่ไปของแคลนนี้เป็นอย่างไร เพราะแคลนนี้คนที่รู้จักช่างน้อยเสียเหลือเกิน (แต่ก็นะมันเป็นแคลนแนวๆ นินจา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่ค่อยมีใครรู้จัก) ถ้าจะให้น้อยกว่านี้ก็คงจะเป็นแคลน นูบาทามะ ที่หลายๆ คนอาจจะลืมไปแล้วว่า มีแคลนนี้ด้วยเหรอ ? จริงๆ แล้วแคลนนี้ก็เก่งนะครับ ยิ่งในช่วงภาค 2 นี้จะเก่งขึ้นมากเลย แถมช่วงภาค 3 ก็จะเก่งยิ่งขึ้นๆ ไปอีก นั่นเอง

 
    แคลน มุราคุโมะ เป็นแคลนที่มีธีมหลักเป็นแนว นินจา ผู้ใช้เวทย์องเมียว หรือ ไสยศาสตร์ มนต์ดำ ต่างๆ ซึ่ง จะมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นอยู่เต็มเปี่ยม โดยแคลนนี้ในภาค 1 ได้มีการออกมาแล้วในชุด BT0-05 แต่กลับไม่ได้ปรากฏในการ์ตูนภาค 1 แต่ดั้น ไปโผล่ในภาค 2 แทน (แต่ยังใช้แค่การ์ดจากภาค 1 อยู่นะ จริงๆ มันมีเสริมแหละครับ แต่ออกใน BT-09 ดังนั้นจึงโดนตัดบทไปจ้า) บทของแคลนนี้จึงมีน้อยมาก เรียกได้ว่าแค่โผล่มาให้พระเอกได้มีโอกาศพัฒนาฝีไม้ลายมือขึ้นนั่นเองครับ

     ลักษณะ หรือ รูปแบบการเล่นจะเป็นแนว Hit and Run หรือแปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า ตีแล้วหนี โดยสกิลส่วนใหญ่จะเน้นเกี่ยวกับการหาตัวมันเองที่เหมือนๆ กัน จากในกอง แล้วนำเข้ามาในสนาม พอจบเทิร์นก็กลับเข้ากองไป โดยจะดูละม้ายคล้ายกับการใช้วิชานินจา แยกเงา หรือ แยกร่าง นั่นเอง 

     สำหรับชุดการ์ดต่างๆ ที่มีแคลน มุราคุโมะ ออกมา มีดังนี้จ้า (ณ พฤศจิกายน 2014)

Sets containing Murakumo cards

Booster Sets:

Extra Boosters:

Fighter's Collection


อย่างที่เห็นนะครับว่ามีจำนวนออกมาน้อยมาก ออกภาคละชุด ออกมาก็พอดีๆ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เพียงแค่เริ่มโดนลืมไปในภาค 4 เท่านั้นเอง (กระซิกๆ) ถ้ายังไงเรามาดูกันต่อดีกว่าครับว่า แคลนนี้มีเด็คสายไหนน่าเล่นเป็นพิเศษบ้าง


สาย Covert Demonic Dragon, Mandala Lord (ฺBT-05)

      รูปแบบการเล่นสายแรกสุดของ แคลนนี้ ที่แทบจะบังคับให้เล่นตัวนี้ เพราะไม่มีเกรด 3 ใบอื่นให้เล่นมากนัก โดยรูปแบบการเล่นหลักๆ จะเน้นการ แยกร่าง ออกมาตี และใช้ สกิลของ มันดาร่า ในการตั้งรับไปเรื่อยๆ ด้วยรูปแบบสกิลที่ใช้ตัดทอนพลังฝ่ายตรงข้ามตอนโจมตีมา ทำให้ดูเป็นอะไรที่เท่ห์ไม่เลว แถมมีหน่วยเกรด 1 และ 2 ที่มีสกิลช่วยเปิดกองหา มันดาร่า ขึ้นมืออีกด้วย แต่น่าเสียดายจริงๆ ที่ แคลนนี้ในช่วงภาค 1 ต่อพลังได้น้อยมาก ยิ่งมาเจอพวกสารพัดครอสไรด์ในชุดเดียวกันทำให้แทบไม่มีใครเล่นแคลนนี้เลยก็ว่าได้ (โดน รอยัล,คาเงโร่,ชาโดว บังมิด) ทำให้ได้แค่คอยซุกในเงามืด รอวันเวลากลับมาผงาดอีกครั้ง

สาย Fantasy Petal Storm, Shirayuki (ฺBT-09)

     เรียกได้ว่าสายนี้เป็นสายที่พัฒนาแนวการเล่นในแบบเดิมของ มันดาร่า เอาไว้ ด้วยสกิล LB4 ที่เหมือนกันกับมันดาร่า คือลดพลังฝ่ายตรงข้ามตอนที่เขาตีมานั่นเอง แต่ตัวของชิรายูกิ นั้นจะเก่งกว่าค่อนข้างมากด้วยการลดพลังถึง 20000 ทำให้แทบจะติดลบกันไปเลยทีเดียวถ้าต่อบูสมาได้ไม่แรงพอ (แวนการ์ดพลังติดลบได้นะจ้ะ) สำหรับใครที่ไม่เข้าใจเรื่องเลขติดลบแนะนำมาเรียนพิเศษกับพี่ชินครับรับรองเข้าใจ เย้ย แอบโฆษณาด้วย 55 

สาย Platinum Blond Fox Spirit, Tamamo (ฺBT-09)

    อีกสายหนึ่งที่ได้รับความนิยมในภาค 2 นั่นก็คือสาย ทามาโมะ นั่นเอง โดยเจ้าปีศาจจิ้งจอกตัวนี้เป็นยูนิตที่ค่อนข้างเล่นง่าย และจะเอาไปผสมกับสายอื่นก็ได้ เพราะสกิลนั้นเป็นเอกเทศไม่ต้องรอใครมาเล่นคอมโบด้วย (พวกยูนิตแบบนี้แหละเก่งครับ เหมือนกัลโมลด์ ของโกลด์) โดยเมื่อ LB4 จะสามารถเพิ่มพลังตัวเองได้ อีกทั้ง ทามาโมะ ยังมีตัวต่อบูสเฉพาะตัวที่ทำให้เร่งพลังได้เกินสองหมื่นง่ายๆ เลย ทีเด็ดกว่านั้นคือสกิลที่จับเพื่อนแยกร่างได้อีก ทำให้การบุกเป็นไปอย่างต่อเนื่องทุกเทิร์น แถมสกิลก็ใช้ค่าคอสน้อยมาก แค่ 1CB ทำให้ใช้เรียกพวกมาถล่มได้ทุกเทิร์น น่ากลัวสุดๆ จ้า

สาย  Covert Demonic Dragon, Magatsu Storm (ฺBT-09)

     สายสุดฮิท ที่เล่นกันเยอะมากๆ กับสาย Magatsu Storm นั่นเอง โดยสายนี้นั้นจะเป็นการไรด์เชน หรือ ก็คือไรด์ร่างเกรด 0 1 2 3 ไปเรื่อยๆ ยิ่งถ้าไรด์ติดๆ กับไปเรื่อยๆ ล่ะก็จะมีร่างแยกออกมาบุกทุกๆ เทิร์น ทำให้เกมรุกเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก นอกจากนี้ในอนาคต ยูนิตตัวนี้จะมีร่างแบบรีเวิร์ส โผล่มาในภาค 3 อีก ทำให้สายนี้เล่นสนุก เล่นง่าย บุกแรง นั่นเอง แถมอีกนิดสายนี้ยังมียูนิตเกรด 2 เฉพาะตัว ที่เอามาช่วยสายนี้ให้ตีแรงขึ้นไปอีก เรียกว่า หมดปัญหาเรื่องต่อบูสไม่ถึงสองหมื่นได้ทันทีครับ

     ทั้งหมดนี้ก็จะเป็นเรื่องราวต่างๆ ของแคลน มุราคุโมะ นั่นเองครับ ใครที่มีแคลนนี้เก็บตั้งแต่ภาค 1 ไว้แต่ไม่มีโอกาศได้เอามาเล่น ลองจัดเสริมยูนิตต่างๆ ของภาค 2 เข้าไปดูครับ รับรองสนุกแน่นอน

     ขอบคุณที่อ่านจ้า
     พี่ชิน แวนการ์ด

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ประกาศรางวัล ผู้ชนะเลิศ จากการประกวด Decklist สุดยอดในใจฉัน ครั้งที่ 1

ผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งได้แก่ คุณ Rajchaphruek Malakum (ชื่อจากเฟสบุ้ค)


แคลน : นารุคามิ
ชื่อเด็ค : Thunderbolts of Victory!!
เกรด 0 (17 ใบ)
-                   ลิซาร์ดโซลเยอร์,ไซชิน x1  (เฟิร์สแวนการ์ด)
-                   โอลด์  ดราก้อนเมจ x4 (ดรอว)
-                   นางไม้มังกรปีศาจ,เซโอโบ x4  (ฮิล)
-                   จิน  ผู้ชั่วร้าย x4  (คริติคอล)
-                   เยลโล่ว์เจม  คาร์บังเคิล x4  (คริติคอล)
เกรด 1 (14 ใบ)
-                   เรดริเวอร์  ดรากูน x4
-                   ไวเวิร์นการ์ด,กัลด์ x4 (PG)
-                   ดีเซิทกันเนอร์,ไรเอน x3
-                   โฟตอน  บอมเบอร์  ไวเวิร์น x3
เกรด 2 (11 ใบ)
-                   ธันเดอร์สตอร์ม  ดรากูน x3
-                   มังกรปีศาจผู้บ้าคลั่ง,การูด้า x3
-                   ดราโกนิค  เดธไซส์ x3
-                   ไวเวิร์นปืนเวทมนต์ต้องคำสาป x2
เกรด 3 (8 ใบ)
-                   ดราโกนิค  ไคเซอร์  เวอมิลเลี่ยน x4
-                   ลำแสงสายฟ้า  จิน x3
-                   ทันเดอร์เบรก  ดราก้อน x1

แนวทางการเล่น :
 ในความคิดที่ผมทำเด็คนี้ขึ้นมานะครับ  ผมดูจากจุดเด่นของนารุคามิก่อน  นั่นคือการตัดเกมฝ่ายตรงข้าม!! ซึ่งที่ผมใส่ไซชินเป็นตัวเริ่มเพราะเขาสามารถกดดันเกมตั้งแต่ต้นๆ  ถึงเกรด 0 ของฝ่ายตรงข้ามจะไม่สามารถถอยหลังได้   แต่ไซชินก็ยังเป็นตัวบูสที่ดีในระดับหนึ่งอีกด้วย  ต่อมาเด็คนี้มีความพิเศษอีกอย่างหนึ่งที่ผมมองเห็น  คือการเพิ่มพลังตัวเองอย่างง่ายๆ  ทั้ง ไวเวิร์นปืนเวทมนต์ต้องคำสาป  ลำแสงสายฟ้า  จิน  เป็นต้น ยูนิตที่กล่าวมานี้ มีเงื่อนไขในการเพิ่มพลังตัวเองที่ง่ายมากๆ ถึงเราไม่มีตัวต่อบูสข้างหลัง ก็ยังสามารถตีแวนของอีกฝ่ายเพื่อให้เขาต้องจำใจการ์ดอยู่ดี  และสุดท้าย  ตัวบอสของเด็ค  ดราโกนิค  ไคเซอร์  เวอมิลเลี่ยน  ถือว่าเก่งมากๆ  ยืนก็เก่ง  สกิลก็ดีมาก  อย่างน้อยเราก็สามารถกวาดเรียอีกฝ่ายได้ในครั้งเดียว  ถึงเขาจะรับมือเราเทิร์นนี้ได้  แต่เทิร์นต่อไปเขาก็ต้องคิดหนักที่จะลงยูนิตมาตีหรือเก็บไว้การ์ดนั่นเอง  ยังมียูนิตมาช่วยทำลายเรียอีกอย่าง  เดธไซส์ และ ทันเดอร์เบรก  ทำให้เป็นอะไรที่กดดันอีกฝ่ายมากๆ ก่อนอื่นแนะนำให้เปิดเกมด้วยการใช้ไซชินต่อหลังการูด้าเพื่อเป็นการกดดันตอนต้นเกมก่อนครับ  พอปลายๆเกมเราก็ใช้เอสการ์ดเวอร์มิลเลี่ยน LB4 ใส่แถวหน้า  เป็นFinal Turn อย่างหล่อๆครับ 
ข้อดีของเด็คนี้ :
            ต่อเกมเป็นระบบได้ง่าย  ทำลายเรียที่สำคัญของอีกฝ่ายได้มากพอสมควรทีเดียว  แวนการ์ดเรายืนพื้นดีตีแรง  สามารถรับมือกับเด็คที่ยืน 11k ได้ดี  ต่อบูสง่ายยิ่งถ้าเจอพวกที่ยืนด้วย 10k ละก็อาจมีการปาดเงื่อเลยทีเดียว

ข้อด้อยของเด็คนี้ :
            มือในการการ์ดเป็นสิ่งสำคัญนี่คือจุดอ่อนของเรา  เราอย่าใจร้อนในการเล่น  ค่อยๆต่อเกม  ประคองไว้เพื่อที่เราจะไม่เปิดช่องโหว่เรื่องไม่มีมือป้องกันหรือตัวต่อเกมนั่นเอง

            โดยภาครวมแล้วผมคิดว่าเด็คที่ผมสร้างขึ้นมาจากความคิดของผมนั้น  เป็นเด็คที่เน้นตัดเกมตั้งแต่ต้นและกระหน่ำโจมตีตอนปิดเกม  ผมคิดว่าทุกเด็คและการ์ดทุกใบมีจุดเด่นในตัวเอง  ไม่เกี่ยวว่าจะเป็น c หรือ rrr  การ์ดทุกใบสามารถช่วยเราได้  ขึ้นอยู่ว่าเราจะเอามาใช้ยังไง  ขอให้มีความสุขกับการเล่นนะครับ  Stand Up Vangard !!!  

Comment จากพี่ชิน
     ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีด้วยกับผู้ชนะเลิศในการแข่งคราวนี้ก่อนนะครับ เขียนเด็คมาได้ดีพอสมควรเลย ความสมดุลอยู่ในระดับที่ดี การอธิบายก็ละเอียดชัดเจนดีครับ

   ก่อนอื่นคงต้องขออธิบายก่อนว่า เพราะอะไร? เด็คลิสนี้ถึงได้รับการตัดสินจากคณะกรรมการให้ชนะเลิศ คณะกรรมการจะใช้เกณฑ์การตัดสินจาก ความคิดสร้างสรรค์ ความมดุลของเด็ค และความเก่งเป็นหลัก เด็คลิสที่เลือกให้ชนะจะต้องมีโอกาศนำไปใช้ในการแข่งขันจริงแล้วมีเปอร์เซ็นต์ในการเอาชนะที่สูงด้วย เป็นหลักครับ
   
เหตุผลหลักที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ
  1. เด็คนี้ที่มีดราโกนิคไคเซอร์ เวอร์มิลเลี่ยน ยินด้วยพลัง 11000 นั้น ทำให้ได้เปรียบในการตั้งรับพอสมควร ในกรณีที่ฝ่ายตรงข้ามต่อพลังไม่ดี ต่อไม่ถึง 21000 ฝ่ายเราจะป้องกันได้ง่ายขึ้น
  2. เลือกใช้ทริคเกอร์ได้เหมาะสม เพราะในกรณีที่เราใข้ LB4 ของ เวอร์มิลเลี่ยน ถ้าเราเอา R โจมตีไปก่อน ฝ่ายตรงข้ามคงจะเลือกที่จะนำยูนิตมา อินเตอร์เซป แน่นอนอยู่แล้ว ทำให้การเลือกใช้คริและดรอว เป็นตัวเลือกที่ดี
  3. ในแง่ของการเล่นที่กรณี เกรด 3 ตัวหลักไม่ขึ้น เรายังสามารถเลือกใช้เกรด 3 ใบอื่น ลงช่อง VC ได้ เพราะ เกรด 3 ใบอื่น ทั้ง  ลำแสงสายฟ้า  จิน และ ทันเดอร์เบรก  ดราก้อน สามารถยิน VC แล้วต่อพลังได้ง่ายเช่นเดียวกัน 
  4. ถึงตัวเด็คจะใช้เคาเตอร์บลาสจำนวนมาก แต่ก็มีการนำตัวช่วยหงายดาเมจ มังกรปีศาจผู้บ้าคลั่ง,การูด้า เข้ามาเสริมทัพ เพื่อช่วยหงายดาเมจ และ ยังช่วงกดดันฝ่ายตรงข้ามให้ต้องป้องกันได้อีกด้วย
  5. ในแง่กับการต่อกรเด็คที่เป็นครอสไรด์ เช่น แคลน ชาโดว ในปัจจุบัน สามารถทำได้ดี เพราะถ้าไม่นับ เวอร์มิลเลี่ยน เกรด 3 ตัวอื่น สามารถต่อพลังถึง 23000 ได้
  6. ถึงพลังช่อง R จะต่อได้ไม่เกิน 20000 แต่สามารถทดแทนด้วยการตัดเกมฝ่ายตรงข้าม ก็นับว่าสมดุลครับ อีกอย่างมีคริเยอะ โยน พลัง + คริ ให้ R ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องป้องกันอยู่ดี
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลหลักที่เด็คลิสนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศครับ ขอแสดงความยินดีด้วยคร้าบ
สำหรับคนที่ได้รับรางวัลไม่ต้องเสียใจนะครับ ใครที่พลาดโอกาศนี้ คราวหน้ามาร่วมสนุกกันอีกนะครับ จะได้เพิ่มทักษะการจัดเด็คของตัวเราเองอีกด้วย

สำหรับผู้ที่ส่งผลงานมา สามารถติดต่อผ่านกล่องข้อความ ให้พี่ชินคอมเม้น เด็คลิสที่ส่งมาให้เพิ่มเติมได้ครับ ว่าควรปรับเปลี่ยนอย่างไรให้ดีขึ้น จะพยายาม ทยอยๆ ตอบจ้า
        

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บทบาทแคลน เมก้าโคโลนี่ ใน การ์ดไฟท์แวนการ์ด ภาค 2

     สวัสดีคร้าบ กลับมาพบกับบทความสนุกๆ ของพี่ชินอีกเหมือนเคยนะครับผม โดยในวันนี้จะเป็นการวิเคราะห์ เจาะตื้น เอ้ย เจาะลึก เกี่ยวกับแคลน เมก้าโคโลนี่ ที่เป็นแคลนเกี่ยวกับแมลง นั่นเองจ้า ว่ามีความสำคัญ บทบาท และ แนวทางการเล่นสายต่างๆ อย่างไรบ้างครับ


     สำหรับแคลน เมก้าโคโลนี่ นั้นจะเป็นแคลนที่มียูนิตเป็นแมลงทั้งหมด เหมารวมหมดไม่ว่าจะเป็น แมง หรือ แมลง นั่นเอง โดยรูปแบบการเล่นหลักๆ ของแคลนนี้ จะเป็นการใช้สกิล ในการทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถแสตนได้ในช่วงแตนเฟสนั่นเอง (แต่ยังได้รับผมจากแสตนทริคเกอร์ หรือ สกิลที่ทำให้แสตนตามปกติ) ดังนั้นรูปแบบการเล่นจะเป็นสายที่คอยควบคุม หรือ ตัดเกม ฝ่ายตรงข้ามให้ช้าลง และทำให้เราสามารถบุกได้ง่ายขึ้นนั่นเอง


     สำหรับผู้ที่เล่นแคลนนี้ใน ภาค1 คนใช้คือ Osamu Kishida ที่โผล่มาในช่วงต้น ถึง กลางเรื่อง ก่อนที่จะโดนตัดบทไป และ พอเข้าภาค 2 ก็จะมีผู้เล่นอีกคนมาใช้แทน ซึ่งก็คือ Kyou Yahagi ผู้ทีเคยเป็นอดีตลูกทีมของทีเร็นนั่นเอง (แต่เหมือนตัวแถมเสียมากกว่า) โดย Kyou Yahagi นั้นในภาค 2 ใช้ถึง 2 แคลนด้วยกัน โดยใช้แคลน สไปค์ บราเธอร์ส ก่อน(แพ้ ไค) จากนั้นจึงเปลี่ยนมาใช้ เมก้าโคโลนี่ (แพ้ Leon) ซึ่งบทบาทก็กลายเป็นตัวโชวเด็ค ขายของให้กับบูชิโร้ด หรือ มาฮาปล่อยมุขเสียมากกว่า เรียกว่าบทบาทต่างจากภาค 1 ไปเลยก็ว่าได้

สำหรับชุดการ์ดต่างๆ ที่มีแคลน เมก้าโคโลนี่ มีดังนี้คร้าบ (ณ ตุลาคม 2014)

Sets containing Megacolony cards

Booster Sets:

Extra Boosters:

Fighter's Collection:

จะเห็นได้ว่าแคลนนี้ นานๆ มาทีจริงๆ ออกมาแค่ภาคละ 1 ชุด เท่านั้นเองโดยประมาณ แต่ออกมาทีก็เก่งทีครับ ยกตัวอย่างเช่น ช่วงภาค3 ที่เก่งแบบใจร้ายเลยจริงๆ

     ต่อไปเรามาดูกันดีกว่าครับว่าแคลนนี้มีสายการเล่นเด่นๆ อะไรบ้าง

     สาย กิราฟ่า (BT04)
     สไตล์การเล่นยุคแรกๆ ของแคลนเมก้าโคโลนี่ โดยสายนี้จะเน้นหนักไปที่การใช้ กิราฟ่า ที่เป็นการไรด์ตามลำดับเกรดไปเรื่อยๆ โดยถ้าสามารถไรด์ร่างเกรด 2 ได้แล้วล่ะก็จะสามารถยืนด้วยพลัง 11000 ได้ นอกจากนี้ตัวกิราฟ่าเองก็กดดันฝ่ายตรงข้ามได้ดีด้วยสกิลของตัวมันเอง เพราะถ้าเกิดตีฮิทขึ้นมา หมายความว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องเสียยูนิตไปถึง 2 ตัวด้วยกัน บวกกับความสามารถในการห้ามแสตนของยูนิตอื่นๆ ทำให้กดดันฝ่ายตรงข้ามได้มากๆ ข้อเสียอาจจะมีตรงที่สายนี้ต่อพลังในช่อง RC ลำบากหน่อย อีกทั้งตัวต่อบูสให้แวนโดยเฉพาะต้องบังคับให้ฝ่ายตงข้ามอยู่ในลักษณะเรสหมด ดังนั้นถ้าฝ่ายตรงข้ามรับมือโดยการเหลือยูนิตแสตนไว้ซักตัวทางเราก็จะใช้สกิลบูสไม่ติดนั่นเอง

     สาย แมชชีนนิ่ง สแต็กบีทเทิ้ล (EB01)
     สายอีกสายหนึ่งที่มีความน่าเล่นสูงของแคลนนี้ โดยสายนี้จะเน้นการใช้ยูนิตที่มีติดชื่อ แมชชีนนิ่ง ในการเล่นเป็นหลักนั่นเอง โดยสไตล์การเล่นของสายนี้จะเน้นปั้มพลังสูงๆ + กับการเรียกพวกออกมาจากโซลด้วยสกิลของ สแต็กบีทเทิ้ล นั่นเอง แถมตัว เกรด 1 และ 2 ของสายนี้ก็สามารถเร่งพลังได้มากเช่นเดียวกัน จึงเป็นสายที่เน้นตีแรงๆ นั่นเอง อีกทั้งพอนำไปเสริมด้วยยูนิตที่มีความสามารถในการห้ามแสตนก็จะเห็นผลได้อีกมาก เพราะยูนิตตระกูล แมชชีนนิ่ง นั้นไม่ต้องใช้เคาเตอร์บลาสเลย ทำให้เล่นเป็นไปอย่างรวดเร็ว รุนแรง และกดดันฝ่ายตรงข้ามได้ดีมากๆ ครับ โดยรวมเป็นอีกสายหนึ่งที่น่าเล่น และพอขึ้นภาค 3 ก็จะมียูนิตตระกูล แมชชีนนิ่ง ออกมาอีกเพียบ ทำให้สายนี้เก่งมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

   
     สาย Martial Arts, Master Beetle (EB03)
     เด็คสาย Master Beetle โดยจะเน้นใช้สกิล LB4 ของ Master Beetle ที่จับห้ามแสตนทีเดียวถึง 2 ตัว อีกทั้งยังยืนด้วยพลัง 11000 โดยไม่ต้องพึ่งร่างเกรด 2 หรือ อื่นๆ แต่อย่างใด ทำให้เป็นยูนิตที่เก่งทั้งรุกและรับมากๆ เสียดายที่สกิล LB4 ของ Master Beetle นั้นกินเคาเตอร์บลาสมากถึง 3 ทำให้โอกาศใช้ในการเล่นต่อเกมเต็มที่ก็ 1-2 ครั้ง ดังนั้นในการใช้ก็จำเป็นจะต้องคิดให้ดีก่อนว่าจะใช้ใส่ยูนิตไหน ที่แนะนำก็คงจะเป็นใช้กิลใส่พวกเกรด 3 ที่ตีหนักๆ ในช่อง RC หรือจะใช้ใส่ตัวต่อบูสหลัง VC ของฝ่ายตรงข้ามก็ได้ ในเทิร์นหน้าฝ่ายตรงข้ามจะได้ตีเบาๆ หน่อย ยูนิตสายนี้สามารถนำไปผสมกับสาย แมชชีนนิ่งจาก EB01 ก็ยังได้ เพราะตัวสายแมชชีนนิ่งไม่กินเคาเตอร์บลาสอยู่แล้ว หรือ จะประยุกต์กับการ์ดอื่นๆ ก็ตามสะดวก เพราะตัว Master Beetle นั้นอยู่ได้ทุกสายอยู่แล้วนั่นเอง

     ทั้งหมดนี้ก็จะเป็นสายต่างๆ ของ แคลนเมก้าโคโลนี่ในภาค 1-2 ครับ ต้องยอมรับว่าของออกมาน้อยจริงๆ แต่เมื่อใดก็ตามที่ขึ้นภาค 3 รับรองเก่งแน่นอนครับ จับห้ามแสตนทีทั้งสนาม น่ากลัวมาก = = ใครที่อยากจะใช้เมก้าเก่งๆ แนะนำรอภาค 3 จ้า

ขอบคุณที่อ่านคร้าบ
พี่ชิน