วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บทบาทของแคลน คาเงโร่ ในการ์ดไฟท์แวนการ์ด ภาค2


     สวัสดีคร้าบ มาพบกับพี่ชินเช่นเคยจ้า โดยในวันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึงแคลนสุดฮิทติดชาร์ทตลอดกาล อีกแคลนหนึ่ง นั่นก็คือแคลน คาเงโร่ นั่นเองครับผม สำหรับแคลน คาเงโร่ นี้จะมีการปรากฏตัวตั้งแต่ตอนแรกของภาค 1 เลย (แต่ไม่ใช่แคลนแรกสุดนะครับ แคลนที่ปรากฏตัวแรกสุดน่าจะเป็น แคลนสไปค์บราเธอร์ส) โดยผู้ใช้แคลนนี้คนแรกคือ โทชิกิ ไค นั่นเอง เพียงแต่ว่าในช่วงภาค 1 นั้น คนที่ใช้แคลนคาเงโร่จะไม่ได้มีแต่ โทชิกิไค ผู้เดียว จะมีคนอื่นๆ ที่ใช้แคลนคาเงโร่ด้วย เช่น มิวะ (เพื่อนของ ไค) หรือ อื่นๆ อีกมากมาย เพียงแต่ว่าคนที่ดึงความสามารถออกมาได้มาก และ ชนะบ่อยที่สุด ก็คือ โทชิกิ ไค นั่นเอง


     โดยรูปแบบการเล่นส่วนใหญ่ของแคลนนี้จะเน้นที่การ ทำลายเรียลการ์ด ของฝ่ายตรงข้ามด้วยสกิลเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นผลให้เกิดการตัดเกมส์ฝ่ายตรงข้าม และ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามโต้กลับเรามาได้อย่างยากลำบากนั่นเอง เป็นผลให้แคลนนี้มีความสามารถในการบุกค่อนข้างจะสูงมาก อีกทั้งยังคอยปรับรูปแบบเกมให้เข้าทางเราไปด้วย จึงมีคนจำนวนมากนิยมนำแคลนนี้ไปใช้ในการแข่งขันนั่นเอง

     ซึ่งในภาค 1 นั้นได้มีเด็คสาย คาเงโร่ ออกมาหลากหลายสายมาก โดยมีสายต่างๆ ที่ได้รับความนิยมดังนี้

1.  สาย ดราโกนิค โอเวอร์ ลอร์ด + เกรด 3 อื่่นๆ
     สายสามัญเริ่มต้นของแคลนนี้ครับ โดยสายนี้จะยังไม่ค่อยมีอะไรที่หวือหวาหรือเฉพาะตัวมาก แต่สามารถนำไปเล่นผสมกับเกรด 3 ตัวอื่นๆ ได้ง่าย ขึ้นอยู่กับว่าจะเล่นกับอะไร เพราะลำพังตัว ดราโกนิค โอเวอร์ ลอร์ด เดี่ยวๆ ก็เก่งจนแทบจะไม่ต้องการตัวอื่นๆ มาต่อคอมโบแล้ว เก่งทั้งอยู่ช่อง V หรือ R ทำให้เป็นตัวยอดนิยมที่ใส่ในคาเงโร่ทุกเด็คนั่นเอง อีกทั้งพลังโจมตีที่เริ่มต้นด้วย 11000 ทำให้การโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามโจมตีเข้ามาลำบากพอสมควร อาจจะมีข้อเสียนิดๆ ตรงที่ต่อพลังให้ถึง 20000 ขึ้นไปยากไปบ้าง แต่ก็สามารถชดเชยได้ด้วยการตัดเกมฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง

2.  สาย บลาสซิ่งแฟลร์ ดราก้อน
     สายนี้จะเป็นสายที่เน้นการใช้งาน เกรด 3 ตัวใหม่ ที่ปรากฏในตัว BT-02 เป็นหลัก โดยสไตล์การเล่น จะยังคงความเป็นคาเงโร่ คือเน้นทำลายเรียลฝ่ายตรงข้ามเช่นเดิม แต่จะมีความรุนแรงมากขึ้น ทำลายบ่อยครั้งขึ้น และตัวบลาสซิ่งแฟลร์ ดราก้อน ก็สามารถซูพีเรียไรด์ได้อีกด้วย ทำให้รูปแบบการเล่นนั้นรุนแรงขึ้นนั่นเอง ซึ่งตัว บลาสซิ่งแฟลร์ ดราก้อน นั้นสามารถแสดงความสามารถได้ดีไม่ว่าจะอยู่ช่อง VC หรือ RC ประกอบกับในชุด BT-02  มียูนิตที่ช่วยทำลายเรียลฝ่ายตรงข้ามเพิ่มมาอีกทำให้สายนี้มีความสามารถในการตัดเกม และ เร่งพลังแบบสุดๆ นั่นเอง ยิ่งถ้าเพิ่มตัวเสริมจากชุด BT-03 เข้าไปอีก จะทำให้รูปแบบการเล่นรุนแรงมากๆ นั่นเอง

3. สาย แอมเบอร์ ดราก้อน
    สำหรับสายนี้จะเป็นสายที่มีการประยุกต์ให้เข้ากับยุคปัจจุบันมากขึ้น โดยจะเป็นสายที่เน้นการไรด์ร่างวิวัฒนาการต่อไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เกรด 0 ไปจนถึงเกรด 3 แต่ก็อาจจะมีข้อเสียคือมีโอกาศหลุดการวิวัฒนาการไปอยู่บ้าง แต่ถึงจะหลุดสายแต่ก็ยังสามารถคงความเก่งกาจได้อยู่ดี โดยสไตล์ของสายนี้จะเป็นการเน้นกดดันให้ป้องกัน มากกว่าเน้นยิงทำลาย โดยความสามารถส่วนใหญ่จะเป็นความสามารถที่เกิดขึ้นเมื่อโจมตีฮิทนั่นเอง

4. สาย ดราโกนิค โอเวอร์ลอร์ด ดิ เอนด์
    ต้องบอกว่าสายนี้คือสายที่เป็นสายที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในบรรดาผู้ที่เล่นแคลนคาเงโร่ และก็เป็นสายที่น่ากลัวอันดับต้นๆ ในช่วงภาค 1 เลยทีเดียว โดยที่ตัวเด็ดของเด็คนี้ก็คือ ร่างครอสไรด์ ของ  ดราโกนิค โอเวอร์ลอร์ด  ซึ่งก็คือ  ดราโกนิค โอเวอร์ลอร์ด ดิ เอนด์ นั่นเอง ซึ่งความน่ากลัวของสายนี้นั่นก็คือ ความสามารถด้านต่างๆ ที่มากมายเหลือเกิน ในด้านพลังบุกก็น่ากลัวอยู่แล้ว เพราะตัว ดิ เอนด์ นั้น ถ้าสามารถครอสไรด์ได้สำเร็จล่ะก็จะสามารถบุกด้วยพลัง 13000 ได้ ทำให้หาตัวมาต่อบูสง่ายมาก ถ้าไม่เจอ ครอสไรด์ด้วยกันเองล่ะก็สบายสุดๆ อีกทั้งยังมีตัวบูสเฉพาะทางด้วยอีกทำให้สามารถเร่งพลังทะลุ 20000 ได้สบาย นอกจากนี้ในชุด BT05 ก็ยังมียูนิตต่างๆ ที่ออกมาเสริมพลังให้กับ ดิ เอนด์ ของเราอีก เรียกได้ว่ามาทีไม่ได้มาคนเดียว พาพรรคพวกมาเพียบเลย ในด้านการตั้งรับก็น่ากลัวไม่แพ้กัน เพราะว่าตัว ดิ เอนด์ มีความสามารถในการแสตนตัวเอง ทำให้สามารถเร่งการ์ดบนมือให้มากขึ้น และ เพิ่มจำนวนครั้งในการ ไดรฟ์เช็คด้วย ยิ่งถ้าครอสไรด์ติด ฝ่ายตรงข้ามจะโจมตีเราได้อย่างยากลำบากมาก อีกทั้งยังไงแคลนนี้ก็คือแคลนคาเงโร่ เรื่องของการตัดเกมฝ่ายตรงข้ามด้วยการทำลายเรียลฝ่ายตรงข้ามก็ยังอยู่ ทำให้เกมรับของเราสามารถรับมือได้อย่างสบายๆ ดังนั้น สาย ดราโกนิค โอเวอร์ลอร์ด ดิ เอนด์ จึงเป็นสายที่แทบจะเห็นบ่อยมากๆ ที่สุด พอๆ กับ รอยัลสาย มาเจสตี้ เลยก็ว่าได้ ยิ่งเป็นการแข่งขันล่ะก็จะเห็นเอามาลงแข่งกันเป็นประจำ เพราะ มันสมดุลทั้งรุกและรับ นั่นเอง

เพียงแต่ว่าพอเข้าสู่ช่วงท้าย ภาค1 และ กำลังจะขึ้นภาค 2 ได้มีการประกาศริสติคเกิดขึ้น ทำให้ใส่  ดราโกนิค โอเวอร์ลอร์ด ดิ เอนด์ ได้เต็มที่ ไม่เกิน 2 ใบ ทำให้สายนี้นั้นลดความน่ากลัวลงไปมากพอสมควรเลยทีเดียว อีกทั้งใน ภาค 2 ตามเนื้อหาในการ์ตูนที่ แคลน คาเงโร่ ถูกผนึกไปพร้อมๆ กับ รอยัล และ ชาโดว ทำให้แทบจะไม่มีการ์ดคาเงโร่ออกมาในภาค 2 เลย แต่ก็ไม่ต้องน้อยใจครับ เพราะ ในชุด EB03 จะแอบมี คาเงโร่ ให้เราได้นำไปใช้กันนิดหน่อย และก่อให้เกินสายใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือ


5. สาย Dragonic Lawkeeper
    โดยสายนี้จะเน้นที่การใช้สกิล LB4 ของ Dragonic Lawkeeper นั่นเอง ซึ่งเป็นความสามารถที่่ค่อนข้างน่ากลัวมาก เพราะจะทำการ ไบน์ เรียลการ์ดของฝ่ายตรงข้ามทั้งหมด ทำให้เหมือนกับเป็นการปิดผนึกการอินเตอร์เซปนั่นเอง นอกจากนี้จะส่งผลให้ยูนิตบางตัว ในแคลน คาเงโร่ ที่สกิลจะทำงานเมื่อฝ่ายตรงข้ามมีเรียลการ์ดน้อยๆ ทำงานด้วย ทำให้สายนี้เป็นอีกสายหนึ่งที่เล่นง่าย ต่อพลังง่าย อีกสายหนึ่งนั่นเองจ้า

นี่ก็คือบทบาททั้งหมดของแคลนคาเงโร่ใน ภาค2 และ ย้อนไปถึง ภาค1 ด้วยนั่นเองจ้า ใครที่รักชอบ คาเงโร่ ไม่ต้องเสียใจไปนะครับ เพราะในอนาคต ดราโกนิค โอเวอร์ลอร์ด ดิ เอนด์ จะกลับมาใส่ได้ 4 ใบ เต็มๆ เหมือนเดิมแน่นอน อีกทั้งพอเข้าช่วงภาค 3 คาเงโร่ก็จะกลับมา ผงาด และ ยึดครองตำแหน่งเด็คสุดแกร่งอันดับต้นๆ อีกแน่นอนครับ (แอบบอกเลยว่าน่ากลัวมากครับ ในภาค 3 คาเงโร่จะมีแสตนแวนการ์ดขึ้นมาไล่ตีอีกแน่นอน อีกทั้งยังมี ดราโกนิค โอเวอร์ ลอร์ด ร่างใหม่ๆ มาอีก อูยโหดมั่กๆ )

ขอบคุณที่อ่านกันจ้า หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ ไม่ม่ากก็น้อยนะคร้าบ
แต่สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อนจ้า
by ชิน แวนการ์ด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น